วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Chapter 5 E- Commerce

E- Commerce


Electronic Business คือ กระบวนการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่า องค์การเครือข่ายร่วม (Internatworked Network) ไม่ว่าจะเป็นการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (ElectronicCommerce) การติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร 


พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electornic commerce) คือ การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับ เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้
   
ประเภทของ E- Commerce แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ 

1.  กลุ่มธุรกิจที่ค้ากำไร Profits Organization
  • Business-to-Business (B2B)
  • Business-to-Customer (B2C)
  • Business-to-Business-to-Customer (B2B2C)
  • Customer-to-Customer (C2C)
  • Customer-to-Business(C2B) 
  • Mobile Commerce
2.  กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร Non-Profit Organization
  • Intrabusiness (Organization) E- Commerce
  • Business-to-Employee (B2E)
  • Government-to-Citizen (G2C)
  • Collaborative Commerce (C-Commerce)
  • Exchange-to-Exchange (E2E)
  • E-Learning



E-Commerce Business Model หมาถึง วิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Add) ให้กับสินค้าและบริการ เป็นวิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่ อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ
   
ธุรกิจที่หารายได้จากค่าสมาชิก ธุรกิจในกลุ่มนี้หลายรายเป็นธุรกิจที่ได้กำไรแล้วเนื่องจากรายได้จากค่า สมาชิกเป็นรายได้ที่มีความมั่งคงกว่ารายได้จากแหล่งอื่น เช่น รายได้จากการโฆษณาหรือค่านายหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจที่จะสามารถหารายได้จาก ค่าสมาชิกได้ก็คือ การมีสารสนเทศหรือบริการที่มีคุณภาพที่ดี พอที่จะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายค่าสมาชิกดังกล่าว เช่น ต้องมีสารสนเทศที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น (Wall Street Journal หรือ Business Online) หรือใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมการรักษาฐานลูกค้าไว้ เช่น AOL รักษาฐาน,ุกค้าของตนด้วยหมายเลขอีเมลล์หรือหมายเลข ICQ ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการไปแล้วระยะหนึ่งไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่มีรายได้จากสมาชิกยังสามารถใช้ฐานลูกค้าของตนที่มีอยู่ขยายต่อ ไปยังธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ เช่น AOL ใช้ฐานสมาชิกของตนในการหารายได้จาการโฆษณาออนไลน์ และธุรกิจค้าปลีก

ธุรกิจที่หารายได้จากการโฆษณา ในช่วงหลังธุรกิจ E-Commerce ที่หวังหารายได้จากการโฆษณาซบเซาลงไปมากเนื่องจากการเข้าสู่ตลาดดังกล่าวทำได้ง่าย ทำให้จำนวนพื้นที่โฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีผลทำำให้เกิดการแข่งขันอย่างรุนแรง และมีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการแทบทุกราย นอกจากนี้ การจัดทำเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดึงดูุให้ผู้ใช้เข้ามาใช้ตองอาศัยการลงทุนสูง และจำเป็นต้องทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์หผ่าน สื่อต่างๆมาก ปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจในกลุ่มนี้จึงได้แกการสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง จากธุรกิจในแนวเดียวกัน ในขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนได้ ตัวอย่างของธุรกิจที่หารายได้จากการโฆษณาที่ยังสามารถทำกำได้ได้ คือ Yahoo ซึ่งเป็นเว็บทำ (Portal Site) ที่มีชื่อเสียงมานานและมีต้นทุนในการสร้างเนื้อหาน้อย เนื่องจากใช้วิธีการเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาของผู้อื่น
 
ธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์ ธุรกิจประเภทนี้มีรูปแบบการหารายได้ทั้งในแบบ B2C ซึ่งหารายได้จากการจำหน่ายสินค้าส่วยเกินของบริษํทโดยไม่เกิดความขัดแย้งกับ ช่องทางเดิม นอกจากนี้ตลาดประมูลแแนไลน์ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถการาคามราเหมาะสมของ สินค้า รูปแบบธุรกิจตลาดประมูลออนไลน์อีกประเภทหนึ่งคือแบบ C2C ธุรกิจในกลุ่มนี้จะหารายได้จากค่านายหย้าในการให้บริการตลาดประมูล ซึ่งช่วยจับคู่ซื้อและผู้ขายเข้าด้วยกัน ตัวอย่างของธุรกิจตลาดประมูลดังกล่าว คือ E-Bay ซึ่งเป็นตลาดประมูลออนไลน์ที่มีชื่อเสียง ปัจจัยใความสำเร็จของธุรกิจประมูลแบบ B2C คือ ความสามารถในการหาสินค้าที่มีคุณภาพดีแต่มีต้นทุนต่ำมาประมูลขาย ซึ่งจำเป็น ต้องอาศัยการมีพันธมิตรรายใหญ่ที่มีสินค้าเหลือจำนวนมาก ส่วนปัจจัยในความสำเร็จของธุรกิจประมูลแบบ C2C คือ ความสามารถในการสร้างความภักดีของลูกค้าและป้องกันการฉ้อโกงระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย


   ข้อดีของ E- Commerce
  • สามารถเปิดดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • สามรถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
  • ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
  • ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
  • ง่ายต่ิอการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครั้งเดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
  • สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
  • ไม่จำเป็นต้องเปิดร้ายขยสินค้าจริง
   ข้อเสียของ E- Commerce
  • ต้องมีระบบการรักษาความปลอกภัยของระบบที่มีประสิทธิภาพ
  • ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตได้
  • ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
  • ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจสินค้าแบบออนไลน์
  • การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชดเจน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น